กระทรวงศึกษาธิการ (23 กรกฎาคม 2564) ภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เเละนโยบาย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) เผยคุณหญิงกัลยา สั่งการให้โรงเรียนการศึกษาพิเศษ (สพฐ.)ในพื้นที่สีแดง กรุงเทพฯและปริมณฑลเตรียมความพร้อมปรับใช้เป็นโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับบุคลากร นักเรียน ผู้ปกครอง และผู้พิการ ที่เป็นผู้ป่วยโควิด-19

นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เเละนโยบาย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) กล่าวว่า จากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องทุกวัน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่รุนแรงและขยายวงกว้างขึ้น จึงได้สั่งการมอบนโยบายให้ นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ร่วมหารือกับผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล (นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร) พร้อมทั้ง ดร.ธนนท์ วีรธนนท์ ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารทั่วไป และ นายเกษมสุข พสุนธราธรรม ผู้อำนวยการโรงเรียนศึกษาพิเศษเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการเตรียมความพร้อมให้สถานศึกษาใช้เป็นโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับบุคลากร นักเรียน ผู้ปกครอง และผู้พิการ ที่เป็นผู้ป่วยโควิด-19

“คุณหญิงกัลยามีความเป็นห่วงประชาชนทุกคน โดยเฉพาะบุคลากร นักเรียน ผู้ปกครอง และผู้พิการ ที่ได้รับผลกระทบและเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้มในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เตียงในโรงพยาบาลหลักมีจำนวนไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้ารับการรักษา จึงให้สถานศึกษาใช้เป็นโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วยในกลุ่มดังกล่าวอย่างเร่งด่วน”นายภูมิสรรค์ กล่าว

นายภูมิสรรค์ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานศึกษาที่มีความพร้อมในการใช้เป็นโรงพยาบาลสนามและได้รับการพิจารณา ได้แก่ โรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์บางกรวย โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนนทบุรี โรงเรียนโสตศึกษาทุ่งมหาเมฆ ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสมุทรปราการ และบึงลาดโพธิ์ จังหวัดนครปฐม ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที ทั้งนี้ในสถานการณ์ที่ประเทศชาติกำลังประสบกับวิกฤตที่เกิดขึ้นต้องขอขอบคุณและขอแสดงความชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่เสียสละรวมถึงบุคลากรทางการศึกษาทุกคนที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จึงขอเป็นกำลังใจให้การปฏิบัติงานในครั้งนี้บรรลุวัตถุประสงค์