บริษัท พร็อพเพอร์ตี้กูรู จำกัด (“PropertyGuru” หรือกลุ่มบริษัท”) หนึ่งในบริษัทด้านเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (“PropTech”) ได้ยื่นหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย เพื่อขอดำเนินการเสนอขายหุ้นให้ประชาชน (Initial Public Offering – IPO) และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย (Australian Securities Exchange – ASX) คาดว่าราคาช่วงเปิดตัวจะอยู่ที่ 3.70 ถึง 4.50 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อหุ้น หากข้อเสนอ IPO ดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จ มูลค่าการลงทุนจะเพิ่มขึ้นประมาณ 363 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (หรือประมาณ 7.5 พันล้านบาท คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนธนาคารแห่งประเทศไทย)

PropertyGuru ดำเนินธุรกิจพอร์ทัลการค้นหาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ในห้าประเทศทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ สิงคโปร์ (PropertyGuru) เวียดนาม (Batdongsan) มาเลเซีย (PropertyGuru) ไทย (DDproperty) และอินโดนีเซีย (Rumah) (ซึ่งทั้งหมดเป็นตลาดหลักของพร็อพเพอร์ตี้กูรู) โดยในแต่ละเดือนมีผู้เข้ามาค้นหาข้อมูลที่อยู่อาศัยบนพอร์ทัลที่เปิดให้บริการในตลาดหลักทั้5 ประเทศรวมกันมากกว่า 23 ล้านคน กลุ่มบริษัท PropertyGuru มีส่วนแบ่งการตลาดของผู้บริโภค 60% ทั่วทั้งตลาดหลัก ซึ่งมากกว่าคู่แข่งที่ดำเนินธุรกิจประเภทเดียวกันในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมีนัยสำคัญ

ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท PropertyGuru ได้พัฒนาและเติบโตจากการเป็นสตาร์ทอัพที่ทำธุรกิจแบบเป็นตลาดเดียว (Single-Market Startup) ที่เริ่มต้นธุรกิจในสิงคโปร์และดำเนินการขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ คือ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งพัฒนามาเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ (Prop Tech) ที่มีการเติบโตสูง มีเว็บไซต์สื่อกลางอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 อยู่ภายใต้การบริหาร และเป็นตลาดการค้นหาอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ในห้าประเทศที่ให้บริการหลักแก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และบริการรองด้านการขาย นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจการจัดงานแจกรางวัลด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคือ ‘PropertyGuru Asia Property Awards’ ซึ่งเป็นการคัดเลือกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ดีเด่นจากตลาดทั้ง 14 แห่งทั่วเอเชีย ตลอดจนถึง ‘PropertyGuru FastKeyเป็นแพลตฟอร์มโซลูชั่น SaaS ที่ดีที่สุดเพื่อช่วยส่งเสริมการขายให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการจัดการโครงการ ตั้งแต่แรกเริ่มเปิดตัวไปจนถึงการจบการขาย

โอลิเวอร์ ลิมประธานกรรมการบริหารบริษัทฯ

กล่าวว่าโอกาสทางการตลาดสำหรับการโฆษณาอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ในตลาดหลักของเรานั้นได้รับแรงส่งจากเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญและแนวโน้มอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การขยายตัวของเมือง การขยายตัวของอินเทอร์เน็ต การเข้าถึงโทรศัพท์มือถือ และการรุกของสมาร์ทโฟน รวมถึงระดับความมั่งคั่งที่เห็นได้จากการขยายตัวของชนชั้นกลางที่เป็นปัจจัยหลักของความต้องการที่อยู่อาศัย

การโฆษณาอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์บนแพลตฟอร์มดิจิทัลของบริษัทฯ ช่วยให้ตัวแทนและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการใช้โซลูชั่นที่คุ้มค่ากว่าสื่อการพิมพ์แบบเดิมๆ และช่วยให้พวกเขาสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น บริษัทฯ คาดหวังว่าแนวโน้มเหล่านี้จะเปลี่ยนรูปแบบของการโฆษณาอสังหาริมทรัพย์จากการพิมพ์และช่องทางออฟไลน์อื่น ๆ ในตลาดหลักของเราไปเป็นแบบออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากผู้ที่ต้องการค้นหาอสังหาริมทรัพย์มีการใช้ช่องทางดิจิทัลในการค้นหามากขึ้น

ความเป็นผู้นำของเราในทุกตลาดที่เราดำเนินธุรกิจนั้นเกิดจากการมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับบรรดาเอเจนท์และบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงการให้ความสำคัญในการลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยี และแบรนด์ของเรา บริษัทฯ ได้ลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มที่มีคุณสมบัติและฟังก์ชั่นรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมไปถึงการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีเสมือนจริง หรือ Augmented Reality – AR ซึ่งทำให้เราสามารถพัฒนาการนำเสนอทางดิจิทัลที่โดดเด่นแตกต่างจากบริษัทอื่นๆ การลงทุนและนวัตกรรมนี้เกิดขึ้นได้โดยทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมของเรา ซึ่งนำทีมโดย แฮรี่ วี คริชนัน – ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้มีประสบการณ์ด้านการบริหารระดับสูงร่วมสองทศวรรษจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั้งในเอเชียและสหรัฐอเมริกา

แฮรี่ วี คริชนัน – ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

กล่าวว่าเราได้สร้างสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของระบบนิเวศอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสำเร็จส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นผลมาจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างมีนัยสำคัญ เราลงทุนอย่างหนักเพื่อสร้างสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีแบบบูรณาการและมีความโดดเด่น เพื่อรองรับโอกาสในตลาดหลักของบริษัทฯ

บริษัท ของเราก่อตั้งขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อนำการเข้าถึงและความโปร่งใสมาสู่ธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเราได้บรรลุเป้าหมายนี้ผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีและโซลูชั่นดิจิทัลของบริษัทฯ เรามุ่งหวังที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้องแก่ผู้ที่ต้องการอสังหาริมทรัพย์ ตัวแทนและนักพัฒนา ผ่านเนื้อหาล้ำสมัยและเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ นวัตกรรมดิจิทัลเป็นสิ่งที่อยู่ใน DNA ของบริษัทฯ และเราวางแผนที่จะลงทุนในด้านเทคโนโลยีต่อไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโซลูชั่นที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าของเราทุกคน

จากการคำนวณวัดอัตราการเติบโตของรายได้และกำไร (CAGR) ในช่วงสามปีที่ผ่านมาของ PropertyGuru พบว่ารายได้เพิ่มขึ้นถึง 26% และในปี พ.ศ. 2561 นับเป็นปีแรกที่ PropertyGuru ได้ทั้งกำไรและมีกระแสเงินสดคล่องตัว ผมภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นำทีมบริหาร PropertyGuru ซึ่งเต็มไปด้วยพนักงานดิจิทัลที่มีประสบการณ์ และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับทีมงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งมีประสบการณ์ในการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีทั่วเอเชีย ทีมพนักงาน หรือเหล่ากูรูของเราได้ร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มต้นจนกลายเป็นบริษัท Prop Tech ที่มีการเติบโตสูงจนถึงทุกวันนี้

เราตั้งใจที่จะใช้ส่วนหนึ่งจากการเสนอขายหุ้น ดำเนินการตามกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทฯ ที่รวมถึงการขยายตัวในด้านอื่นๆ ตลอดจนการจัดหาสินเชื่ออสังหาฯ และข้อมูลออนไลน์ให้กับลูกค้าในตลาดหลักของเราสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย


คณะกรรมการบริหารของ PropertyGuru ประกอบด้วย

โอลิเวอร์ ลิม – ประธานกรรมการอิสระและกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร

เจนนี่ แมคโดนัลด์ และเมลานี วิลสัน – ผู้อำนวยการอิสระและไม่เป็นผู้บริหาร

แฮรี่ วี คริชนัน – ประธานบริหารและผู้อำนวยการ

สตีฟ เมลฮูอิช – ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการบริหาร

โดมินิค พิคอน, เทอแรนซ์ ลี และพอล บาสสาท – ผู้อำนวยการที่ไม่เป็นผู้บริหาร

บริษัท กิลเบิร์ต & โทบิน เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำทางกฎหมายของประเทศออสเตรเลีย และบริษัท อัลเลน & เกลดฮิลล์ เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำทางกฎหมายของประเทศสิงคโปร์