บลจ.ทิสโก้โชว์ฝีมือบริหารกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า เทคโนโลยี ทริกเกอร์ 5M#1 ถึงเป้าหมาย 5% ชี้โอกาสการเติบโตหุ้นเทคโนโลยีจีนยังมีอีกมาก รับกระแส New Normal หลัง COVID และยังเป็นหนึ่งในหุ้นเมกะเทรนด์ของโลก

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) เปิดเผยว่า แม้ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับลงอย่างรุนแรงรับข่าว COVID -19 แพร่ระบาด แต่จะเห็นได้ว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีนกลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (26 มิถุนายน 2563) ดัชนี AlphaShares China Technology ซึ่งเป็นดัชนีสะท้อนผลการดำเนินงานของธุรกิจด้านเทคโนโลยีในประเทศจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ปรับเพิ่มขึ้นถึง 27% เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากกระแส New Normal ในช่วงที่ COVID -19 ระบาดส่งผลให้ผู้คนหันมาใช้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกให้ชีวิตมากขึ้น และยังหนุนให้คนที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีลองใช้งานเพิ่มขึ้นด้วย จึงอาจเรียกได้ว่า COVID -19 เป็นตัวเร่งให้นักลงทุนเห็นภาพ ‘เมกะเทรนด์’ ในกลุ่มเทคโนโลยีเร็วขึ้น

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัดจากปัจจัยหนุนดังกล่าวจึงส่งผลให้กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า เทคโนโลยี ทริกเกอร์ 5M#1 (TCTEC5M1) ความเสี่ยงระดับ 7 (ความเสี่ยงสูง) ถึงเป้าหมาย 5% มีมูลค่า NAV เท่ากับ 10.6410 บาทต่อหน่วย ในวันที่ 23 มิถุนายน 2563 นับเป็นกองทุนที่ถึงเป้าหมายเป็นกองทุนสองของปีนี้ และเป็นทริกเกอร์ฟันด์ลำดับที่ 104 ที่บลจ.ทิสโก้บริหารให้ถึงเป้าหมาย จากทริกเกอร์ฟันด์หุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศที่ออกโดย บลจ.ทิสโก้จำนวนทั้งหมด 131 กองทุน

“ก่อนหน้านี้ บลจ.ทิสโก้มองว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีนมีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว และเป็นหนึ่งในกลุ่มหุ้นเมกะเทรนด์ของโลก จึงตัดสินใจเปิดกองทุนทริกเกอร์ที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของจีนเพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีความเสี่ยงจากการเมืองระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แต่ท้ายที่สุดกองทุน TCTEC5M1 ก็ถึงเป้าหมาย หลังจากนี้ บลจ.ทิสโก้ก็ยังเชื่อว่าหุ้นเทคโนโลยีจีนมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก เพราะปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีในเกือบทุกกิจกรรมของชีวิต โดยมี COVID -19 เป็นตัวผลักให้คนมาลองใช้ และเปิดใจกับเทคโนโลยีต่างๆ มากขึ้น หนุนให้ผลประกอบการบริษัทเทคโนโลยีในจีนมีโอกาสเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งเมื่อช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา บลจ.ทิสโก้ได้นำเสนอกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีจีนมีนโยบายการลงทุนคล้ายกับกองทุนทริกเกอร์ที่เพิ่งถึงเป้าหมาย โดยสามารถซื้อขายได้ทุกวัน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาวไปกับเมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีของจีน และมองว่าในอนาคตจีนจะเติบโต และเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีของโลกได้ในที่สุด” นายสาห์รัชกล่าว

สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีของจีน สามารถลงทุนได้ในกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า เทคโนโลยี อิควิตี้ (TCHTECH) ความเสี่ยงระดับ 7 (ความเสี่ยงสูง) มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ผ่านกองทุนอีทีเอฟ Invesco China Technology (กองทุนหลัก) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ทั้งนี้ กองทุน TCHTECH ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมจึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก

และตั้งแต่ปี 2551 จนถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2563 บลจ.ทิสโก้ออกทริกเกอร์ฟันด์ที่ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศทั้งหมด 131 กองทุน โดยไม่มีกองทุนที่อยู่ในระหว่างกำหนดเวลาการลงทุน และกองทุนที่ถึงเป้าหมายและเลิกโครงการแล้ว 104 กองทุนในจำนวนนี้ถึงเป้าหมายในกำหนดเวลาการลงทุน 75 กองทุนและถึงเป้าหมายนอกกำหนดเวลาการลงทุน 29 กองทุน ส่วนกองทุนที่ไม่ถึงเป้าหมายในกำหนดเวลาการลงทุน 27 กองทุนนั้น ยังอยู่ในระหว่างลงทุนเกินกว่ากำหนดเวลาการลงทุน 7 กองทุน ไม่ถึงเป้าหมายและเลิกกองทุนแล้ว 20 กองทุน อย่างไรก็ตาม หน่วยลงทุน TCTEC5M1 ได้สับเปลี่ยนไปยังกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรระยะสั้น (TISCOSTF) โดยอัตโนมัติตามเงื่อนไขการเลิกกองทุนเรียบร้อยแล้ว ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ทั้งนี้ กองทุน TCHTECH ลงทุนในต่างประเทศจึงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน กองทุนจึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4